Die Liebe im Ernstfall
ดานีเอลา ครีน เขียน
ปิยะกัลย์ สินประเสริฐ แปล
ถนอมนวล โอเจริญ บรรณาธิการต้นฉบับ
สุภัควดี ทวีชัย พิสูจน์อักษร
Mongol Navy ออกแบบปก
Wonderwhale ออกแบบรูปเล่ม
พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2564
ปกอ่อน จำนวน 272 หน้า ราคาปก 320 บาท
ISBN 978-616-8123-51-5
__________________
ความรักของเรา คงมีหลายส่วนที่คล้ายคลึงกับความรักของผู้หญิงทั้งห้าคนนี้ — เพาลา ยูดิท บรีดา มาลีกา โยรินเดอ — ความรักของพวกเธอเชื่อมโยงกับความเสียสละ บางคราวก็โลดแล่นไปพร้อมกับทิฐิอยากเอาชนะ ถ่ายเทความรู้สึกร้อนแรง ซุกซน ลับเร้นอยู่หลังม่านของความลับ และบางครั้งก็เป็นความรักสิ้นหวังแต่ยังมีหวังตลอดเวลา
ความรักของเรา ดำเนินอย่างรวดเร็วทั้งยังเชื่องช้า ผ่านห้วงนาทีแห่งเสียงหัวเราะและน้ำตา ซึ่งมีเราเท่านั้นที่สามารถปลอบประโลมตน
เพราะความรักมิอาจเร่งร้อน จงประคับประคองและรักษาจังหวะเต้นของหัวใจ เพื่อให้ความรักของเราไม่เลือนลับสูญสลาย จนชีวิตกลับกลายเป็นฤดูใบไม้ร่วงนานนับกัปกัลป์
Die Liebe im Ernstfall หรือ เพราะความรักมิอาจเร่งร้อน ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2019 จากนั้นก็ได้ขึ้นชาร์ตหนังสือน่าจับตามองและหนังสือขายดีในกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาเยอรมัน ก่อนจะเปิดตัวในตลาดสากล ขายลิขสิทธิ์ได้ 18 ภาษา รวมทั้งภาษาไทย ฉบับแปลภาษาอังกฤษมีชื่อว่า Love in Five Acts และ Love in Case of Emergency บอกเล่าชีวิตของผู้หญิงวัยทำงานและแม่บ้าน 5 คนที่มีบางมิติของชีวิตต้องเชื่อมโยงกัน มีความรักเหมือนกัน แต่ต่างรูปแบบ นวนิยายพาเราสำรวจรูปแบบความรักทั้ง 5 ด้วยการแบ่งเป็น 5 บท (เพาลา, ยูดิท, บรีดา, มาลีกา, โยรินเดอ) พาเราละเอียดกับอารมณ์ความรู้สึกของผู้หญิงที่ติดตาข่ายของความต้องการ ความหวังและความผิดหวัง และพาเราหาทางออกให้กับพวกเธอ
ดานีเอลา ครีน เกิดเมื่อ ค.ศ.1975 จบการศึกษาด้านสื่อสารมวลชนและวัฒนธรรมศึกษาจากเมืองไลฟ์ซิก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ครีนเริ่มต้นเส้นทางการประพันธ์ด้วยอาชีพนักเขียนอิสระตั้งแต่ปี ค.ศ.2010 นวนิยายเรื่องแรก Irgendwann werden wir uns alles erzählen หรือ สักวันเราจะเล่าให้กันและกันฟัง ซึ่งตีพิมพ์เมื่อ ค.ศ. 2011 ได้รับการต้อนรับอย่างล้นหลามทั้งในเยอรมนีและต่างประเทศ เช่นเดียวกับ Die Liebe im Ernstfall (เพราะความรักมิอาจเร่งร้อน) ที่ได้รับเสียงชื่นชมจากนักอ่านจำนวนมาก และกลายเป็นนวนิยายเยอรมันร่วมสมัยติดอันดับขายดียาวนานนับตั้งแต่พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 2019
*หนังสือเล่มนี้ได้รับทุนสนับสนุนการแปลจากสถาบันเกอเธ่ มิวนิค และ กรุงเทพ*
Tropic of Cancer
เฮนรี มิลเลอร์ เขียน
นันทพร ปีเลย์ โพธารามิก แปล
สุนันทา วรรณสินธ์ เบล บรรณาธิการต้นฉบับ
นิชานันท์ นันทศิริศรณ์ และ อาทิตยา เตชพรรุ่ง พิสูจน์อักษร
wrongdesign ออกแบบปก
นิกม์ จินตวร ออกแบบรูปเล่ม
พิมพ์ครั้งแรก กุมภาพันธ์ 2564
ปกอ่อน จำนวน 406 หน้า ราคาปก 440 บาท
ISBN 978-616-8123-48-5
__________________
หากปารีสคือดวงตะวันอันเจิดจ้า ห้วงเวลานั้นคือเป้าหมายสำคัญของจิตวิญญาณเสรีที่ต้องการอาบแสงแห่งความหวัง ความเรืองรอง ความรุ่งโรจน์ แต่ถ้าปารีสคือรัตติกาลที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเดือนดับ โมงยามนั้นคือความอัปลักษณํ กักขฬะ ชั่วช้า และโสมม
ไม่ว่าปารีสจะรุ่มรวยด้วยศิลปะหรือเกลื่อนกล่นด้วยโลกียวิสัยและอาชญากรรม เมืองแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยซอกหลืบที่พร้อมจะเปิดอ้าให้จิตวิญญาณเสรีเหล่านั้นเดินเข้ามาและหลงวนลึกถลำ เฉกเช่น ‘เฮนรี มิลเลอร์’ นักเขียนชาวอเมริกันผู้เดินทางจากบ้านเกิด มุ่งหน้ามาใช้ชีวิตด้วยความปรารถนาว่าจะให้ที่นี่เป็นมาตุภูมิแห่งงานประพันธ์และชีวิตใหม่ของตน
ทรอปิค ออฟ แคนเซอร์ คือบทบันทึกเส้นทางสุดโต่งเหนือชั้นของนักเขียนผู้เดินท่องหมุนเวียนเป็นเส้นโคจรรอบโลกวรรณกรรมและการวิจารณ์ ตีพิมพ์ครั้งแรก ค.ศ. 1934 เคยเป็นหนังสือต้องห้ามราว 30 ปี ก่อนจะได้ปลดแอกและขึ้นทำเนียบเป็นวรรณกรรมเรื่องเยี่ยมแห่งศตวรรษที่ 20 ในเวลาต่อมา
Tropic of Cancer หรือ ทรอปิค ออฟ แคนเซอร์ เป็นวรรณกรรมเชิงวิพากษ์สังคมโดยเฉพาะสังคมแห่งศิลปะและการแสวงหาเช่น กรุงปารีส แห่งประเทศฝรั่งเศส นักเขียนชาวอเมริกัน เฮนรี มิลเลอร์ เป็นหนึ่งในบรรดานักเขียนที่อพยพย้ายถิ่นฐานเข้ามาอาศัยในมหานครแห่งนี้ด้วยหวังว่าจะให้เป็นเมืองแห่งการบ่มเพราะผลงานและได้มีชีวิตแบบได้ใช้ชีวิตโดยแท้จริง แต่ปารีสในสายตาของศิลปินมักไม่ได้เห็นเพียงด้านสวยงาม มิลเลอร์จึง ‘ให้ภาพ’ ปารีสในสายตาของเขาผ่านวรรณกรรมด้วยนวนิยายเล่มนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยภาพ เสียง กลิ่น สี อุณหภูมิที่ระอุอวลด้วยพลังงานของโลกียวิสัย ความโลภ ความฉ้อฉล และการปล่อยตัวระเริงใจไปกับความทะยานอยากถึงสิ่งต่างๆ รอบตัว เรื่องราวของนักเขียนหนุ่มที่เผชิญโชคชะตาทั้งด้านบวกและลบในปารีส จ้องหน้ากับความจนและการเอาตัวรอดใน Tropic of Cancer สะท้อนชีวิตจริงแง่มุมต่างๆ ของมิลเลอร์เอง ภาษาเรื่องเล่าจึงร้อนแรงไหลเร็ว ลักษณะตัวละครมีความสุดโต่ง บ้าบิ่น มีฉากสังวาสและพรรณาโวหารที่ชวนคลื่นเหียน บางคนอาจมองว่า Tropic of Caner เป็นงานวรรณกรรมรสอุจาดเหมือนชมอาจม ซึ่งครั้งหนึ่งนวนิยายเล่มนี้ก็เคยเป็นหนังสือต้องห้ามอยู่ถึง 30 ปี แต่ท้ายที่สุดถึงวันนี้ ความรุ่มรวยทางวรรณศิลป์ อัจฉริยภาพของศิลปิน แก่นแท้ความจริงที่ไม่อาจกลบทับ ก็ทำให้นวนิยายเล่มนี้กลับมาผงาด และได้ชื่อว่าเป็นวรรณกรรมเรื่องเยี่ยมเรื่องหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 20
เฮนรี มิลเลอร์ (1891-1980) นักเขียนนวนิยายชาวอเมริกัน เกิดที่นครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา รูปแบบการเขียนของมิลเลอร์มีความโดดเด่นเรื่องการใช้กระแสสำนึกเพื่อบอกเล่าความรู้สึกของตัวละครและยังผสมผสานเป็นเนื้อเดียวกับความคิดนึกของผู้เขียน มีฉากหลังเป็นนิวยอร์คและปารีส ซึ่งเป็นสองมหานครที่มิลเลอร์ได้ใช้ชีวิตอยู่ นวนิยายเกือบทั้งหมดมีเนื้อหาส่อเสียดสังคมและท้าทายกรอบศีลธรรมแห่งยุคสมัยด้วยเรื่องเพศและการสมสู่จนกลายเป็นวรรณกรรมต้องห้ามนานหลายสิบปี ผลงานโด่งดังและควรค่าแก่การทำความรู้จัก นอกจาก Tropic of Cancer (1934) คือ Black Spring (1936) และ Tropic of Capricorn (1939)
Wuthering Height
เอมิลี บรองเต้ เขียน
ปทุมจิต อธิคมกมลาศัย แปล
สุนันทา วรรณสินธ์ เบล บรรณาธิการต้นฉบับ
จินดารัตน์ ธรรมรงวุทย์ พิสูจน์อักษร
มานิตา ส่งเสริม ออกแบบปกและรูปเล่ม
พิมพ์ครั้งแรก มกราคม 2564
ปกอ่อน จำนวน 374 หน้า ราคาปก 390 บาท (มีสายคาด)
ISBN 978-616-8123-47-8
__________________
วุธเธอริง ไฮตส์ เรื่องราวความรักระหว่างฮีธคลิฟฟ์กับแคทเธอรีน เอิร์นชอว์ แห่งคฤหาสน์ “วุธเธอริง ไฮตส์” ไม่อาจมีสิ่งใดพรากทั้งสองจากกันได้ แม้คืนวันเนิ่นนานผันผ่าน สายลมจะกระโชกแรง สายฝนสาดซัดกระหน่ำ หิมะเหน็บหนาว ดินแล้งแตกระแหงชวนเจ็บช้ำ หรือกระทั่งความตายมากรายกล้ำ ทั้งคู่ยังผูกพันดุจวิญญาณดวงเดียวกันมิวางวาย “วุธเธอริง ไฮตส์” ปฐมภูมิแห่งความรักรุนแรง ความลุ่มหลง แรงแค้น และกำเนิดของปีศาจที่ซ่อนอยู่ในมุมมืดของหัวใจมนุษย์ เพชรน้ำเอกแห่งวรรณคดีอังกฤษ งานประพันธ์เพียงเรื่องเดียวของเอมิลี บรองเต้ ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1847
เอมิลี บรองเต้ เกิดในมณฑลยอร์กเชอร์ซึ่งเป็นที่ราบสูงทางตอนเหนือของอังกฤษ ภูมิทัศน์ที่มีภูเขาสลับซับซ้อน อากาศหนาวเหน็บและกระแสลมแปรปรวน ได้ส่งอิทธิพลต่อภาษาที่รังสรรค์ Wuthering Heights (1847) งานประพันธ์เพียงเล่มเดียวของเธอเป็นอย่างมาก บุคลิก การแสดงออก ถ้อยคำวาจาของตัวละครที่ปรากฏในนวนิยายเล่มนี้จึงมีลักษณะวูบไหว โหดร้าย รุนแรง ลึกลับ ประเมินการณ์ได้ยาก แต่เหนือสิ่งอื่นใด ทุกคนถือมั่นกับความรักและมีความสัตย์ต่อหัวใจตนจนมิอาจปฏิเสธได้ นับเป็นนวนิยายล้ำค่าแห่งอังกฤษที่ผ่านกาลเวลามาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 จนกลายเป็นมรดกทางวรรณกรรมที่สำคัญยิ่งอีกชิ้นหนึ่งของโลก